17 สิ่งที่ผู้คนมักเข้าใจผิดและควรทำความเข้าใจเสียใหม่

วิทยาศาสตร์คือศาสตร์ที่ว่าด้วยเหตุและผล แต่ก็น่าแปลกใจที่ยังมีเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่คนเรามักเข้าใจกันผิดกันอยู่เยอะมาก หรือบางครั้งอาจจะเป็นเพราะผู้คนอยากจะเชื่อกันแบบนั้น และนี่คือ 17 สิ่งที่ผู้คนมักเข้าใจผิดและควรทำความเข้าใจเสียใหม่ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย

#1

ความเชื่อผิดๆ ลูกกระเดือกมีเฉพาะผู้ชาย

ความจริงแล้วลูกกระเดือกคือกระดูกที่ปิดกล่องเสียงเพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารหรือน้ำตกลงไป และมีทั้งชายและหญิง เพียงแต่โครงสร้างกระดูกของผู้ชายยื่นออกมามากกว่าแค่นั้นเอง

#2

ความเชื่อผิดๆ ขาของหนอนแมลงคือขาที่อยู่ด้านหลัง

ความจริงแล้วขาของหนอนมี 6 ขาและอยู่ด้านหน้า เพราะหนอนก็คือแมลง ส่วนที่เห็นเหมือนขาด้านหลังจริงๆ แล้วเป็นติ่งเนื้อที่ใช้ในการยึดเกาะกิ่งไม้

#3

ความเชื่อผิดๆ ยิ่งโกนหนวดๆ จะยิ่งหนาขึ้น

ความจริงแล้วผมหรือขนของคุณจะไม่หนาขึ้นเมื่อโกนบ่อยๆ บางครั้งการโกนหนวดอาจจะทำให้ดูเหมือนว่าหนวดที่งอกขึ้นมานั้นดูหนาขึ้น แต่ในความจริงแล้วมันก็หนาเท่าเดิม

#4

ความเชื่อผิดๆ เมื่อเราตายแล้วผมและเล็บสามารถยาวขึ้นได้

ผมและเล็บจะไม่ยาวขึ้นหลังจากคุณตายแล้ว เมื่อคุณตายเซลล์ต่างๆ จะหยุดทำงาน ผมและเล็บจึงหยุดการเจริญเติบโต

#5

ความเชื่อผิดๆ แม่นกจะทิ้งลูกตัวเองหากถูกมนุษย์สัมผัสตัวลูก

ความจริงแล้วนกนั้นมีต่อมการรับกลิ่นที่เล็กมากทำให้ความสามารถการดมกลิ่นนั้นไม่ดีนัก แม่นกจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำถ้าเราไปสัมผัสลูกของมัน

#6

ความเชื่อผิดๆ คุณจะเป็นหูดหลังจากที่สัมผัสกับผิวกบ

ความจริงแล้วถึงแม้ว่ากบจะมีผิวหนังที่เหมือนกับหูด แต่มันก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เมื่อถูกมนุษย์สัมผัส เพราะว่าหูดนั้นเกิดจาก HPV หรือ Human Papilloma Virus

#7

ความเชื่อผิดๆ ฟ้าจะไม่ผ่าที่เดิมซ้ำสอง

จริงๆ แล้วฟ้าผ่าสามารถผ่าที่เดิมได้ บนตึก Empire State นั้น ปกติแล้วโดนฟ้าผ่าประมาณ 20-25 ครั้งต่อปี มีครั้งหนึ่งที่ผ่าถึง 8 ครั้ง ภายใน 24 นาที

#8

ความเชื่อผิดๆ คุณจะเป็นหวัดถ้านอนหลับทั้งๆ ที่ผมยังเปียก

คุณจะไม่เป็นหวัดถ้าคุณหลับทั้งๆ ที่ผมยังเปียกอยู่ ถึงแม้ว่าการนอนหลับทั้งๆ ที่ผมยังเปียกอยู่ จะทำให้หมอนเกิดเชื้อรา แต่ในทางเทคนิคแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้เกิดโรคหวัดได้ก็คือเชื้อไวรัส

#9

ความเชื่อผิดๆ การใช้โทรศัพท์มือถือในโรงพยาบาล อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

ความจริงแล้วไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการใช้โทรศัพท์มือถือในโรงพยาบาลจะรบกวนการทำงานของเครื่องมืออิเล็กทรอนิกแต่อย่างใด เนื่องจากคลื่นจากโทรศัพท์มือถือเบาเกินกว่าจะสร้างความเสียหายให้เครื่องมือในโรงพยาบาล

#10

ความเชื่อผิดๆ ใช้เครื่องปั้มหัวใจช่วยคนหัวใจหยุดเต้น

ถ้าหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ไม่สามารถใช้เครื่องปั๊มหัวใจเพื่อช่วยให้มันเต้นอีกครั้งได้ ตัวเครื่องปั๊มหัวใจนั้นมีไว้ใช้สำหรับหัวใจที่เต้นผิดปกติเท่านั้น เพื่อให้กลับมาทำงานเป็นปกติ

#11

ความเชื่อผิดๆ ทำ CPR เพื่อช่วยให้หัวใจกลับมาเต้นใหม่อีกครั้ง

เราไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตคนที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้วด้วย CPR ได้ การทำ CPR หรือ Cardiopulmonary resuscitation เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังจะหยุดหายใจ หรือหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ให้กลับมาหายใจ หรือลมหายใจไหลเวียนได้ตามปกติ โดยการปั๊มออกซิเจนเข้าไปในปอด

#12

ความเชื่อผิดๆ แสงเดินทางเป็นเส้นตรงเสมอ

ความจริงแล้วแสงแสดงคุณสมบัติเป็นคลื่นได้ ดังนั้นแสงจึงเลี้ยวได้ ลองเปิดไฟฉายส่องผ่านรูเล็กๆ ดูจะเห็นว่าแสงไม่ได้ออกมาตรงๆ แบบเลเซอร์

#13

ความเชื่อผิดๆ หากรถถูกฟ้าผ่าเราจะถูกไฟฟ้าช็อต

ความจริงแล้วเมื่อรถโดนฟ้าผ่าภายในรถจะไม่เป็นอันตราย เพราะไฟฟ้าจะวิ่งอยู่รอบๆ ตัวรถและผ่านลงดินไป แต่เราอาจจะได้รับบาดเจ็บจากความร้อนที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าที่วิ่งไปรอบๆ ตัวรถได้ เพราะมันทำให้เกิดความร้อนสะสมที่สูงมาก

#14

ความเชื่อผิดๆ นกเกาะสายไฟเปลือยแล้วไม่ตายเพราะขานกมีความต้านทานสูง

ความจริงคือเพราะความความต่างศักย์ระหว่างขานกมันต่ำต่างหาก กระแสไฟฟ้าจึงเลือกวิ่งผ่านสายไฟ แต่ถ้าเมื่อไรนกเอาขาเกาะสายไฟคนละเส้น ที่มีความต่างศักย์ต่างกัน เราได้เห็นนกย่างแน่ๆ

#15

ความเชื่อผิดๆ หากกลืนหมากฝรั่งเข้าไปมันจะอยู่ในท้องเรา 7 ปี

เมื่อคุณกลืนหมากฝรั่งเข้าไป มันจะไม่ได้เข้าไปติดอยู่ในท้องนานถึง 7 ปีเหมือนที่ใครเคยกล่าวไว้ จริงๆ แล้วมันจะอยู่ไม่ถึง 7 วันด้วยซ้ำ เดี๋ยวมันก็ผ่านลำไส้ของเราออกไปเอง

#16

ความเชื่อผิดๆ สบู่ช่วยฆ่าแบคทีเรียได้

การใช้สบู่นั้นอาจจะช่วยล้างแบคทีเรียได้ แต่มันไม่ได้ฆ่าแบคทีเรีย จริงๆ แล้วแบคทีเรียจะติดอยู่ที่มือหรือร่างกายของเรา สบู่นั้นแค่ล้างน้ำมันออกไปจากเรา นั่นทำให้แบคทีเรียโดนชะล้างออกไปด้วย

#17

ความเชื่อผิดๆ ยืนใกล้เตาไมโครเวฟขณะทำงานจะทำให้เป็นมะเร็ง

การยืนใกล้ๆ เตาไมโครเวฟที่กำลังทำงานไม่ได้ทำให้คุณเป็นมะเร็ง เพราะว่าในเตาไมโครเวฟนั้นใช้รังสีซึ่งไม่มีกำลังมากพอที่จะส่งผลต่อร่างกายมนุษย์

เครดิต bbc.co.uk

แบ่งปัน