ทฤษฎีที่ว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จมาจากการทำงานอย่างหนัก ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันไม่จริง เพราะคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ที่ทำงานหนักไม่ได้รวย แต่คนที่ร่ำรวยได้นั้นจะต้องทำงานอย่างถูกที่ถูกเวลาและใช้ประโยชน์จากโลกที่เปลี่ยนไปได้อย่างถูกต้องถึงจะร่ำรวยระดับโลกได้ และนี่คือ 7 เรื่องราวในช่วงเริ่มต้นของคนรวยระดับโลก ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย
#1
Jeff Bezos, $ 120 พันล้านเหรียญ (ราว 3.6 ล้านล้านบาท)
ในปี 2017 Jeff Bezos เจ้าของและผู้ก่อตั้งร้านค้าออนไลน์ Amazon กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โครงการเริ่มต้นขึ้นในปี 1995 ในโรงจอดรถและเพียง 4 ปีต่อมามูลค่าของ บริษัทของเขาอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากร้านค้าออนไลน์ Bezos ยังเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ The Washington Post และเป็นผู้ก่อตั้ง Blue Origin ผู้ผลิตเครื่องบินอวกาศของอเมริกา
เรื่องราวที่น่าสนใจ
Jeff Bezos จัดการประชุมครั้งแรกกับลูกค้าและหุ้นส่วนในร้านขายหนังสือถัดจากโรงรถ
#2
Bill Gates, $ 92 พันล้านเหรียญ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท)
บริษัท ไมโครซอฟท์ก่อตั้งขึ้นในปี 1976 และ 10 ปีต่อมาบิลเกตส์ได้รับเงินหนึ่งพันล้านเหรียญแรก ในปี 2006 รายรับของเขาอยู่ที่ 6,659 ดอลลาร์ต่อนาทีซึ่งเท่ากับ 10 ล้านเหรียญต่อวัน (ราว 300 ล้านบาท)
เรื่องราวที่น่าสนใจ
Bill Gates บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากกว่าใครๆ ในประวัติศาสตร์ เขาบริจาคเงินไปยังกองทุนการกุศลแล้วกว่า 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตอนอายุ 13 เขาและเพื่อนแฮกคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนและเข้าถึงข้อมูลลับ แทนที่จะได้รับการลงโทษ แต่แฮกเกอร์หนุ่มได้รับงานจากศูนย์คอมพิวเตอร์ของโรงเรียนแทน
#3
Mark Zuckerberg, 72 พันล้านเหรียญ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท)
ในปี 2004 ชายหนุ่มอายุ 20 ปี มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ได้ก่อตั้งเว็บไซต์ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นเครือข่ายโซเชียลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเขาต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อทำงานนี้
เรื่องราวที่น่าสนใจ
ตอนอายุ 11 ปี มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก สามารถสร้างระบบส่งข้อความได้สำเร็จ
#4
Sergey Brin, 50 พันล้านเหรียญ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) และ Larry Page, 51 พันล้านเหรียญ (ราว 1.53 ล้านล้านบาท)
ในปี 1998 Sergey Brin และ Larry Page เพื่อนของเขาได้ก่อตั้ง บริษัทชื่อ Google และ 6 ปีต่อมาชื่อของพวกเขาก็อยู่ในกลุ่มของคนรวยในนิตยสาร Forbes
เรื่องราวที่น่าสนใจ
สำนักงานแห่งแรกของบริษัท Google ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในโรงรถ
#5
Jack Ma, 41 พันล้านเหรียญ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท)
Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba Group หลังจากเรียนจบเขาไม่สามารถหางานทำได้ เขาถูกปฏิเสธถึง 12 บริษัท (แม้แต่ KFC) ในปี 1995 เขาไปที่สหรัฐอเมริกาและกลับบ้านด้วยความคิดในการจัดตั้งบริษัท
เขาก่อตั้ง Alibaba Group ในปี 1999 โดยประกอบธุรกิจหลายประเภท อีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก อินเทอร์เน็ต เอไอ ฯลฯ จนในปี 2012 กำไรของบริษัทอยู่ที่ประมาณ $ 15 พันล้าน
เรื่องราวที่น่าสนใจ
เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษ Jack Ma ใช้เวลาหลายปีในการทำทัวร์ฟรีให้กับนักท่องเที่ยว
#6
Elon Musk, 21 พันล้านเหรียญ (ราว 6 แสนล้านบาท)
ในปี 2003 Elon Musk ได้จัดตั้งบริษัทรถยนต์ชื่อ Tesla Motors ซึ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและ 11 ปีต่อมาบริษัทของเขาก็ดังระดับโลก เมื่อรถไฟฟ้าของ Tesla Motors สามารถใช้งานได้ดีและมีเสถียรภาพกว่ารถไฟฟ้าจากบริษัทอื่นๆ
เรื่องราวที่น่าสนใจ
ตอนอายุ 12 Elon Musk สร้างและขายวิดีโอเกมของเขาในราคา $500
ผู้อำนวยการของหนังเรื่อง Ironman บอกว่า Elon Musk เป็นต้นแบบของ โทนี่ สตาร์ก ซึ่งแสดงโดยโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
#7
Donald Trump, 3 พันล้านเหรียญ (ราว 9 หมื่นล้านบาท)
หลังจากจบการศึกษาเด็กหนุ่มที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ สนใจจะเข้าโรงเรียนภาพยนตร์ แต่ท้ายที่สุดเขาตัดสินใจทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์เพราะเขารู้ว่ามันเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มากกว่า โครงการแรกของเขาคืออพาร์ทเมนท์ 1,200 ห้องที่สร้างขึ้นอย่างรวดเร็วและขายได้ในราคาไม่แพง
10 ปีต่อมา Donald Trump กลายเป็นมหาเศรษฐี ในปี 2002 เขาเริ่มทำงานในฝันคืองานในวงการภาพยนตร์ เขามีส่วนร่วมในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึงละครโทรทัศน์
เรื่องราวที่น่าสนใจ
เขาเป็นประธานาธิบดีที่รวยที่สุด โดยมีทรัพย์สินมากกว่า 3 พันล้านเหรียญ
เขาเป็นคนแรกที่ได้เป็นประธานาธิบดีโดยไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง หรือเป็นทหารมาก่อน
เครดิต brightside.me