เรื่องน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญของนักวิทยาศาสตร์ที่ทดลองบางสิ่ง แต่ดันได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองไม่ได้คาดหวังออกมา แถมยังเป็นผลลัพธ์ที่ดีจนใช้มาถึงปัจจุบันอีกด้วย แลนี่คือ 5 สิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดทั่วโลก ที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญล้วนๆ จะมีอะไรบ้างถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย
#1 กัมมันตภาพรังสี
โดย Henri Becquerel เป็นนักฟิสิกส์ที่มีความสนใจในเรื่องการเรืองแสงตามธรรมชาติ และความแปลกใหม่ของรังสี x-ray และได้ทดลองมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในปี 1896 เขาได้ทดสอบดูว่าถ้าทิ้งแร่ธาตุที่เรืองแสงตามธรรมชาติไว้ใต้แสงแดดมันจะสามารถผลิตรังสี x-ray ได้หรือไม่?
แต่ขณะทำการทดลองเกิดความผิดพลาด ซึ่งทำให้เขาพบรอยตรงก้อนหินยูเรเนียมอยู่บนแผ่นถ่ายภาพ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าน่าจะมีพลังงานซ่อนอยู่ เขาจึงร่วมมือกับเพื่อนคิดค้นและพบว่ามันเป็นผลมาจากสารกัมมันตภาพรังสีที่ทำให้เกิดพลังงานนิวเคลียร์นั่นเอง เหตุการณ์วันนั้นทำให้มีโรงไฟฟ้าพลังานนิวเคลียร์ในวันนี้
#2 พลาสติก
พลาสติกถูกคิดค้นขึ้นโดย Leo Hendrik Baekeland ซึ่งเป็นนักเคมีที่ต้องการผลิตสารอื่นมาใช้แทนสาร Shellac เพื่อเป็นฉนวนในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
แต่ในขณะที่เขาทำการทดลองสาร Bakelite เขากลับค้นพบวัสดุใหม่ที่สามารถพิมพ์รูปขึ้นได้ ทั้งยังทนความร้อนได้โดยไม่บิดงอ ซึ่งเขาคิดว่าจะนำไปใช้ในการบันทึกเครื่องเสียง แต่มันกลับถูกนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ นั่นก็คือพลาสติกที่เราใช้กันจนถึงทุกวันนี่เอง
พลาสติกที่ใช้ในปัจจุบัน
#3 โค้ก
โค้กถูกค้นพบโดย John Pemberton เภสัชกรในเมือง Atlanta ซึ่งเขาต้องการจะค้นหายารักษาอาการปวดหัว จึงได้ทำการผสมยา (ที่ยังคงถูกปิดเป็นความลับจนปัจจุบัน) ออกมาและมันก็ถูกวางขายตามร้านยา แต่ 8 ปีต่อมามันกลับกลายเป็นเครื่องดื่มโค้กบรรจุขวดที่ขายดีที่สุดในโลก
โค้กในปัจจุบัน
รูปปั้นของ John Pemberton
#4 ไมโครเวฟ
เกิดขึ้นจากชายคนหนึ่งที่เดินทางเข้าบริษัทและเขาผ่านเรดาห์ตรวจจับโลหะมาได้ เมื่อกำลังจะเดินไปถึงห้องทำงานเขาก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหยิบช็อกโกแลตแท่งขึ้นมากิน แต่เขากลับพบว่าช็อกโกแลตกลับละลายทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ได้ร้อน ดังนั้นเขาจึงคิดได้ว่าเป็นเพราะเรดาห์ เขาจึงสร้างไมโครเวฟขึ้นมาจากรังสีเรดาห์นั่นเอง
ไมโครเวฟในปัจจุบัน
#5 ยางวัลคาไนซ์ (ยางรถยนต์ และรองเท้า)
Charls Goodyear ได้ใช้ความพยายามนานนับ 10 ปี ในการค้นหาวิธีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติยางให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยคุณสมบัติยางที่ต้องการ คือ ต้องทนต่อความร้อนและความเย็น แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติของยางให้เป็นตามที่ต้องการได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง Goodyear ได้ทำส่วนผสมของยาง กำมะถัน และ ตะกั่วหกลงไปในเตาที่กำลังร้อนอยู่ ทำให้ส่วนผสมทั้งสามหลอมรวมกัน และไหม้เกรียมเป็นสีดำ
เมื่อ Goodyear หยิบสิ่งที่เกิดขึ้นมา และสังเกตุดูเห็นว่ามีความแข็งแรงแต่น่าจะนำมาประยุกต์ใช้งานได้หลังจากการค้นพบยางวัลคาไนซ์โดยบังเอิญของ Goodyear ปัจจุบันนี้มีการนำยางชนิดนี้มาใช้อย่างแพร่หลาย เช่น ยางรถยนต์ และรองเท้า
ยาง Goodyear ในปัจจุบัน
เครดิต brightside.me