10 สายพันธุ์สัตว์ยักษ์ที่มนุษย์เคยสำรวจพบ

วันนี้เราจะพาไปชมสายพันธุ์สัตว์ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกจากประเภทต่างๆ ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมันจะทำให้คุณประหลาดใจ และที่ทำสำคัญพวกมันเหล่านี้เคยมีอยู่จริงบนโลกของเรา และนี่คือ 10 สายพันธุ์สัตว์ยักษ์ที่มนุษย์เคยสำรวจพบ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

#1 แมลงบินได้ที่ใหญ่ที่สุด Meganeuropsis Permiana

มันคือแมลงปอที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา ด้วยช่วงปีกที่กว้างกว่า 72 เซ็นติเมตร และคาดว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรกที่บินบนท้องฟ้าได้

คาดกันว่ามันเป็นแมลงกินเนื้อที่จะล่าทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่สัตว์เลื้อยคลายที่เป็นบรรพบุรุษของไดโนเสาร์ ซึ่งหลักฐานซากฟอสซิลนี้อยู่ที่ Permian rocks รัฐ Kansas ประเทศสหรัฐอเมริกา

#2 แมลงเปลือกแข็งที่ใหญ่ที่สุด Arthropleura

กิ้งกือยักษ์ดึกดำบรรพ์ เคยอยู่บนโลกเมื่อ 280-340 ล้านปีก่อน ในยุคคาร์บอนนิเฟอร์รัส ซากฟอสซิลของมันถูกพบที่สก๊อตแลนด์ และแถบทวีปอเมริกาเหนือ

มันมีความยาวถึง 2 เมตร และหนักถึง 500 กิโลกรัม เพราะในยุคคาร์บอนนิเฟอร์รัส เป็นช่วงที่ที่แมลงตัวใหญ่เนื่องจากมีปริมาณออกซิเจนที่สูง และป่าดงดิบอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้พวกมันสามารถใหญ่โตได้เท่าที่มันจะสามารถโตได้ และยังมีเขี้ยวพิษที่สามารถฆ่าเหยื่อได้ทุกอย่างที่มันต้องการ

#3 งูที่ใหญ่ที่สุด Titanoboa

ไททันโอโบอาเป็นงูที่ไม่มีพิษจำพวกโบอา ที่คล้ายกับงูเหลือมหรืองูหลาม มักพบได้ในทวีปอเมริกากลางและเกาะมาดากัสการ์ในปัจจุบัน

นักบรรพชีวินวิทยาเชื่อว่า ไททันโอโบอา มีรูปร่างลักษณะและมีพฤติกรรมคล้ายงูอนาคอนดา โดยหากินในน้ำ ซึ่งอาหารได้แก่ จระเข้และปลาขนาดใหญ่ แต่ทว่ามีความยาวกกว่ามาก โดยมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 13 เมตร และอาจยาวได้ถึง 15 เมตร หนักถึง 2 ตัน โดยชื่อของมันเป็นภาษาลาติน แปลได้ว่า “งูยักษ์จากแซร์อาโฮน” (Titanic boa from Cerrejon) ซึ่งมาจากชื่อเมืองแซร์อาโฮน ซึ่งเป็นเหมืองแร่ ในประเทศโคลอมเบีย ซึ่งเป็นที่ๆ ค้นพบซากฟอสซิลของมันเป็นครั้งแรก

ซากฟอสซิลของไททันโอโบอา ที่ค้นพบเป็นกระดูกสันหลัง จำนวน 180 ชิ้น คาดว่าน่าจะเป็นของงูทั้งหมด 12 ตัว ค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2007 ซึ่งกระดูกสันหลังนั้นมีขนาดใหญ่กว่ากระดูกสันหลังของงูอนาคอนดามากนัก จากการวิเคราะห์และคำนวณด้วยเครื่องมือต่างๆ พบว่า ไททันโอโบอามีชีวิตอยู่ในยุคพาลีโอซีน 58-60 ล้านปีก่อน

#4 จระเข้ที่ใหญ่ที่สุด Sarcosuchus

หรือรู้จักกันทั่วไปคือ ” Super Croc ” ซุปเปอร์ครอก แต่ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 110 ล้านปีมาแล้ว มันถูกค้นพบครั้งแรกในประเทสไนเจอร์ (Niger) โดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศลชื่อว่า Alfred Felix de Lapparent โดยในการขุดค้นพบครั้งแรกเป็นฟอสซิลฟัน และหนัง ในบริเวณทะเลทรายซาฮาร่า ในปี 1940 และปี 1950

ซุปเปอร์ครอค์ประมาณการณ์ว่ามันจะมีความยาวเมื่อโตเต็มที่ 11 – 12 เมตร จากการประเมินกระโหลก และอายุขัยเต็มที่ประมาณ 50 – 60 ปี

น้ำหนักจากการเปรียญเทียบกับจระเข้ในปัจจุบัน คาดว่าจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 8 ตัน สำหรับอาหารน่าจะจับปลากินเป็นหลัก และก็อาจจะมีการจับไดโนเสาร์ที่มีขนาดพอดีกับปากของมันบ้างเป็นครั้งคราว

ลูกตาของมันไม่สามารถกรอกซ้ายขวาได้ ทำได้แค่กรอกขึ้นลง บนล่างเท่านั้น และจระเข้ในปัจจบันที่เป็นญาติที่สนิทที่สุดของ Sarcosuchus คือพวกจระเข้แม่น้ำไนล์

#5 นักล่าบนพิภพที่ใหญ่ที่สุด Spinosaurus

สไปโนซอรัส ถูกค้นพบครั้งแรกในทะเลทรายสะฮาราของอียิปต์ เมื่อปี ค.ศ. 1910 โดยนักบรรพชีวินวิทยาชาวบาวาเรีย โดยขุดค้นไปตามชายขอบด้านตะวันออกของระบบแม่น้ำโบราณซึ่งมีหินในชั้นแคมเบรียนก่อตัวเป็นพรมแดนด้านตะวันตก

สไปโนซอรัสเป็นสัตว์กินเนื้อยืน 4 ขาและอาจจะยืน 2 ขาได้ มีจุดเด่น คือกระดูกสันหลังสูงเป็นแผ่นคล้ายใบเรือ รูปวงรี มี 11 ชิ้น ชิ้นที่ยาวที่สุดมีความยาว 1.69 เมตร เชื่อกันว่าใช้ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย กะโหลกศรีษระมีจงอยปากแคบที่เต็มไปด้วยฟันรูปกรวย มีหงอนคู่ขนาดเล็กอยู่เหนือดวงตา แขนแข็งแกร่งมี 3 นิ้ว สามารถใช้เป็นอาวุธและจับเหยื่อได้ มีความยาว 16-18 เมตร น้ำหนัก 7 – 10 ตัน

อาศัยอยู่ใน ทวีปแอฟริกา มีชีวิตอยู่ในตอนกลางของยุคครีเตเชียส (100-97 ล้านปีที่แล้ว) ในช่วงที่มันอาศัยอยู่ในยุคครีเตเชียสตอนกลาง มันมีคู่แข่งที่สำคัญอย่าง คาร์ชาโรดอนโทซอรัส ที่อาศัยอยู่ยุคเดียวกันที่มีความยาว 13 เมตร (เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก) สไปโนซอรัส เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ในโลก, มันมีญาติอย่าง ซูโคไมมัส

#6 ปลากระดูกแข็งที่ใหญ่ที่สุด Leedsichthys Problematicus

ลีดส์อิชธีส์ เป็นชื่อปลากระดูกแข็งชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ในทะเลในกลางยุคจูราสสิค (185-155 ล้านปีก่อน) โดยพบฟอสซิลในชั้นหินในยุคนี้ โดยที่ชื่อ Leedsichthys ตั้งตามผู้ค้นพบคือ อัลเฟรด นิโคลสัน ลีดส์ นักสะสมฟอสซิลชาวอังกฤษ มีความหมายว่า “ปลาของลีดส์” โดยพบในพื้นที่ใกล้เขตเมืองปีเตอร์โบโรห์เมื่อปี ค.ศ. 1886

นอกจากนี้ ลีดส์อิชธีส์มีลักษณะตาที่เล็ก ใช้ชีวิตคล้ายคลึงกับปลาใหญ่ โดยใช้ฟันซี่เรียวกว่า 40,000 ซี่กรองกินสัตว์เล็กสัตว์น้อยและแพลงก์ตอนเป็นอาหาร แม้ว่ามันจะมีลำตัวขนาดใหญ่มากแต่ทำให้ว่ายน้ำช้า เชื่อว่าลีดส์อิชธีส์ก็ยังคงตกเป็นเหยื่อของปลากินเนื้อขนาดใหญ่รวมถึงสัตว์เลื้อยคลานทะเลยุคเดียวกันด้วย เช่น ไลโอพลัวเรอดอน เป็นต้น

#7 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุด Paraceratherium

ปาราเซอราเธอเรียม นี้มีขนาดที่สูงใหญ่กว่าช้างแอฟริกัน มันสูงถึง 8 เมตร มันเป็นสัตว์กินพืชร่างยักษ์ ที่หนักกว่า 30 ตัน มันเคยท่องไปทั่วทวีปอเมรกิาเหนือเมื่อ 37 ล้านปีก่อน โดยปราศจากนักล่าชนิดใดจะสามารถโค่นมันลงได้

แต่พวกมันก็ต้องสญูพันธุ์ไปจากโลกเมื่อ 23 ล้านปีกอ่น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลื่ยนแปลงอย่างรุนแรงจนพวกมันปรับตัวไม่ทัน

#8 สัตว์บินได้ที่ใหญ่ที่สุด Quetzalcoatlus

อาศัยอยู่ในช่วงปลายยุคครีเตเซียส ถูกตั้งชื่อตามเทพมังกรของในตำนานแอซเทค ฟอสซิล ถูกพบเป็นครั้งแรกในเทกซัสเมื่อปี 1971

นับเป็นสัตว์บินได้ขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกด้วยความยาวจากปีกถึงปีกมากถึง 12 เมตร โครงสร้างกระดูกขาที่แข็งแรงสูง 6 เมตร กับจงอยปากอันคมกริบที่คมที่สุดในยุค 65 ล้านปีก่อน พวกมันไม่ลังเลยที่จะโจมตีรังของไดโนเสาร์เพื่อล่าตัวอ่อน หรือไล่ต้อนฝูงไดโนเสาร์เพื่อแยกตัวที่อ่อนแอออกจากฝูง ก่อนจะสังหารด้วยจงอยปากอันทรงพลัง

#9 แมลงน้ำที่ใหญ่ที่สุด Jaekelopterus Rhenaniae

ไม่เพียงบนบกและบนฟ้าเท่านั้นที่ถูกแมลงครอบครอง เมื่อ 300 ล้านปีก่อน ในทะเลโบราณยังมีจ้าวแห่งแมลงที่ครอบครองผืนน้ำ ซึ่งนักบรรพชีวินวิทยาต่างลงความเห็นว่า มันคือฝันร้ายของทุกชีวิตที่อยู่ใต้น้ำ เพราะด้วยขนาด 2.5 เมตร ที่มาพร้อมก้ามขนาดยักษ์ที่สามารถจับและฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าได้อย่างง่ายดาย

#10 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่ใหญ่ที่สุด Blue Whale

วาฬสีน้ำเงิน เป็นวาฬบาลีน (Balaenopteridae) และถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั่วไปจะยาวประมาณ 26-29 เมตร แต่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมีความยาว 31.2 เมตร น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 100-200 ตัน เฉพาะลิ้นก็มีน้ำหนักเกือบเท่ากับช้างหนึ่งตัว และหัวใจก็มีขนาดเท่ารถยนต์คันหนึ่ง

กินเคยและแพลงก์ตอนเป็นอาหาร แต่ก็อาจจะกินสัตว์น้ำขนาดเล็กเช่น ปลาขนาดเล็กเข้าไปด้วย ส่วนลูกวาฬจะกินเฉพาะนมแม่ที่มีไขมันสูงถึงร้อยละ 40 มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 4 กิโลกรัม

นอกจากนี้แล้ว วาฬสีน้ำเงินยังเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงร้องได้กว้างไกลที่สุดในโลกอีกด้วย โดยสามารถส่งได้ได้ดังถึง 1,500 กิโลเมตร ในลักษณะของคลื่นเสียงที่มีความหลากหลาย ซึ่งเชื่อกันว่าไม่ได้เป็นไปในการสื่อสารเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังใช้การนำทางอีกด้วย

เครดิต ebaumsworld.com

แบ่งปัน